คุณจะสังเกตได้ว่าเมื่อเราเปิดคอมพิวเตอร์ เราก็จะได้ยินเสียงจากลำโพงเล็กๆ
ที่ติดตั้งอยู่กับอยู่ภายในตัวเคส ซึ่งเสียง
ที่ออกมาจากลำโพงของเคสนี้เป็นเสียงที่เกิดจากการตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆว่าทำ
งานได้อย่างเป็นปกติหรือไม่ ซึ่งเป็นหน้าที่ สำคัญอีกประการหนึ่งของไบออส (BIOS –
Basic Input Output System) นั่นเอง ยกตัวอย่างได้แก่เมนบอร์ดที่ใช้ ไบออสยี่ห้อ
Award ก็จะมีเสียงบี๊บสั้นๆแค่บี๊บเดียวถ้าเกิดไบออสตรวจสอบแล้วว่าอุปกรณ์
ทุกอย่างสามารถทำงานได้เป็นปกติ ถ้าหากอุปกรณ์ตัวใดเกิดมีปัญหาขึ้นมา
ก็จะมีเสียงเตือนออกมาในลักษณะที่มีเสียงสั้นยาวแตกต่างกัน เหมือนกับเป็นรหัส
คุณรู้ มั๊ยครับว่าช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ก็อาศัยเสียงเตือนต่างๆจากไบออสนี้
เองในการวิเคราะห์ถึงอาการเสียต่างๆ ซึ่งเราจะ เรียกเสียงที่เกิดขึ้นนี้ว่า Beep
Code โดยไบออสที่ได้ผลิตออกมาก็มีหลายยี่ห้อ
แต่ละยี่ห้อก็จะมีลักษณะของเสียงเตือนหรือ Beep Code นี้ไม่เหมือนกัน
เรามาดูกันว่าในไบออสแต่ละยี่ห้อนั้นมีลักษณะของเสียงเตือนเป็นอย่างไรกัน บ้าง
เผื่อเวลาที่
คุณมีปัญหาขึ้นมาจะได้รู้ทันทีว่าควรจะแก้ไขที่อุปกรณ์ตัวใดเป็นอันดับแรก
แต่ถ้าคุณยังไม่ทราบว่าเมนบอร์ดที่คุณใช้อยู่ใช้ ไบออสของผู้ผลิตยี่ห้อใดนั้น
คุณก็สามารถที่จะดูได้จากคู่มือเมนบอร์ดของคุณเอง(เห็นมั๊ยครับว่าคู่มือเมน
บอร์ดของคุณมี ความสำคัญมากแค่ไหน)หรือไม่ก็จากหน้าจอการโพสต์ก็ได้
เมนบอร์ดที่ใช้ไบออส Award และ AMI
ไม่มีเสียง :
เมื่อกดปุ่มพาวเวอร์สวิตช์แล้วไม่มีเสียงก็ให้ครวจเช็คในส่วนของพาวเวอร์ ซัพพลาย
เมนบอร์ด ลำโพง คอมพิวเตอร์อาจเสียหรือไม่ได้ต่อสายสัญญาณจากเมนบอร์ด
1 ครั้ง : แสดงว่าครื่องทำงานเป็นปกติ
2 ครั้ง :
แรมอาจจะมีปัญหาให้ตรวจสอบว่ามีแรมตัวใดตัวหนึ่งอาจจะเสีย
หรือไม่ก็เสียบแรมลงบนสล็อตไม่แน่นพอ
3 ครั้ง : สาเหตุเช่นเดียวกับเสียงดัง
2 ครั้ง
4 ครั้ง : สาเหตุเช่นเดียวกับเสียงดัง 2 ครั้ง
5 ครั้ง :
สาเหตุเช่นเดียวกับเสียงดัง 2 ครั้ง
6 ครั้ง :
อาจจะมีปัญหาจากชิพที่ควบคุมในส่วนของคีย์บอร์ด หรือคีย์บอร์ดอาจจะเสีย
7
ครั้ง : ซีพียูมีปัญหา
8 ครั้ง : มีปัญหาที่การ์ดแสดงผล
9 ครั้ง :
มีปัญหาที่ไบออส อาจจะต้องเปลี่ยนไบออสใหม่
10 ครั้ง : มีปัญหาที่CMOS
ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่
11 ครั้ง : มีปัญหาที่หน่วยความจำแคช
เมนบอร์ดที่ใช้ไบออสของ Phonix
เมนบอร์ดที่ใช้ไบออสของ Phonix
จะมีรายละเอียดมากกว่าของ AMI และ Award โดยจะมีลักษณะของเสียงค่อน
ข้างที่จะซับซ้อน ซึ่งคุณจะต้องนับจำนวนครั้งและลักษณะของเสียงให้ถูกต้อง
ถ้าไม่ทันก็ให้กดรีสตาร์ตเครื่องใหม่แล้วนับใหม่
1 – 1 – 3
เครื่องไม่สามารถที่จะอ่านค่าที่กำหนดใน CMOS ได้ ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่
1 – 1 – 4 มีปัญหาที่ BIOS ต้องเปลี่ยน BIOS ใหม่
1 – 2 – 1
มีปัญหาที่ชิพ Timer ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่
1 – 2 – 2 เมนบอร์ดเสีย
1 – 2 – 3 เมนบอร์ดเสีย
1 – 3 – 1 เมนบอร์ดเสีย
1 – 3 – 3
เช่นเดียวกับเสียงดัง 2 ครั้ง ของ AMI
1 – 3 – 4 เมนบอร์ดเสีย
1 –
4 – 1 เมนบอร์ดเสีย
1 – 4 – 2 มีแรมบางตัวเสีย
2 - - มีเสียงบี๊บดังก่อนสองครั้ง ก่อนที่จะมีเสียงบี๊บอื่นตามมา
แสดงว่ามีปัญหาจากแรม
3 – 1 - มีชิพบางตัวบนเมนบอร์ดเสีย
3 – 2 – 4
มีปัญหาที่ตัวชิพควบคุมการทำงานของเมนบอร์ด
3 – 3 – 4
มีปัญหาที่การ์ดแสดงผล อาจจะเสียบไม่แน่น หรือ ช่องเสียบการ์ดไม่ดี เป็นต้น
3 – 4 - การ์ดแสดงผลเสียต้องเปลี่ยนการ์ดแสดงผลใหม่
4 – 2 – 1
มีชิพบางตัวบนเมนบอร์ดเสียต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่
4 – 2 – 2
ตรวจสอบคีย์บอร์ด โดยการนำไปเสียบกับเครื่องอื่นก่อนว่าใช้งานได้หรือไม่
ถ้าคีย์บอร์ดตัวนั้นใช้งานได้ก็ ต้อง เปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่
4 – 2 – 3
เหมือนกับ 4 – 2 – 2
4 – 2 – 4 มีการ์ดตัวใดตัวหนึ่งที่อยู่บนเมนบอร์ดเสีย
ให้ลองถอดการ์ดแต่ละตัวออก แล้วทดสอบการ์ดทีละการ์ด ดู ว่าเสียงหายหรือไม่
ถ้าทดสอบการ์ดหมดทุกการ์ดแล้วปรากฏว่าเสียงยังไม่หาย
ก็จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่
4 – 3 – 1 ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่
4 – 3 – 2 ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่
4 – 3 – 3
ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่
4 – 3 – 4
ดูวันที่และเวลาของคอมพิวเตอร์ว่าเดินตรงหรือไม่
ให้ลองตั้งเวลาใหม่แล้วปิดเครื่องทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง
แล้วจึงเปอดเครื่องใหม่เพื่อที่จะดูว่าวันเวลาตรงหรือไม่
ถ้าไม่ตรงให้เปลี่ยนแบตเตอรี่บนเมนบอร์ด ถ้าเปลี่ยนแล้วยังมีเสียง ลักษณะนี้อยู่
แสดงว่ามีปัญหาจากพาวเวอร์ซัพพลาย
4 – 4 – 1 มีปัญหาที่พอร์ตอนุกรม
4 – 4 – 2 มีปัญหาเหมือนกับ 4 – 4 – 1
4 – 4 – 3 มีปัญหาที่ Math
coprocessor ถ้าเป็นเครื่องที่ใช้ซีพียู
ระดับ 486 ขึ้นมา
ต้องเปลี่ยนซีพียูใหม่ นี่ก็คือลักษณะของ beep code ของ BIOS ยี่ห้อต่างๆ
ซึ่งก็จะทำให้การวิเคราะห์ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับคุณง่ายขึ้นมาก เลยทีเดียวครับ
และนี่ก็คือเคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญมากต่อช่างซ่อมคอมพิวเตอร์เขาล่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น